ด้วยคุณภาพของผู้เล่นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พลพรรคปีศาจแดงครองบอลทำเกมรุกพลางกระหน่ำใส่ผู้มาเยือนอย่าง โคลเชสเตอร์ อยู่ข้างเดียวแบบพับสนามบุก ซ้ำยังเก็บตกบอลจังหวะ 2 ได้แบบเบ็ดเสร็จจนแทบไม่อนุญาตให้ทีมระดับ ลีก ทู สวนกลับด้วยซ้ำ

แต่สิ่งที่บังเกิดขึ้นคือพวกเขาหาทางเจาะเข้าไปไม่ค่อยได้ ตีโซนรับของคู่แข่งไม่แตก และแทบไม่มีลูกยิงที่ตรงกรอบ ซึ่งมันก็เป็นปัญหาเดิมๆ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดนี้นั่นแหละ คือเมื่อใดก็ตามที่คู่แข่งของตัวเองเอารถบัสมาจอดขวางประตูด้วยการตั้งรับลึกๆ แล้วปิดพื้นที่อย่างแน่นหนา ไม่อนุญาตให้กองหน้าได้ใช้ความเร็วเข้าโจมตี – ไอเดียในการเล่นเกมรุกจะตีบตันขึ้นมาทันที โดยไม่มีความหลากหลาย เนื่องเพราะความสามารถของผู้เล่นชุดนี้มีค่อนข้างจำกัด

    ขอบอกว่าอาวุธทำลายล้างของ แมนฯ ยูไนเต็ด นี่เบาเป็นปุยนุ่ยเลยนะครับ

…ว่าแล้วให้นึกถึงคำพูดของตัวละครตัวหนึ่งในหนังเรื่อง “เอเลี่ยน 2” ที่ดูซ้ำอีกครั้งเมื่อวันก่อน

ในฉากที่บุกเข้าไปในอาณานิคมของมนุษย์บนดวงดาวของเอเลี่ยน ผู้บังคับบัญชาทหารจากโลกสั่งลูกน้องห้ามใช้อาวุธปืนเด็ดขาด เนื่องจากมีแก้สรั่วไหล หากเกิดประกายไฟ มันจะกลายเป็นการจุดระเบิดแล้วเด๊ดห่าแบบเป็นหมู่คณะ

หนึ่งในหน่วยนาวิกโยธินจึงโวยวายใส่ผู้บังคับบัญชาของตัวเองกลับไปประมาณว่าถ้าไม่ให้ใช้กระสุน แล้วมึงจะให้กูสู้กับพวกสัตว์ประหลาดด้วยการด่ามันเหรอ ???

พอดูหนังเรื่องนี้จบ ผมก็มาดูถ่ายทอดสดเกมระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ โคลเชสเตอร์ ต่อ เพื่อพบว่าอาวุธทำลายล้างของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ใช่ระเบิด ไม่ใช่ปืน ไม่ใช่มีด แต่มันเหมือนการด่าใส่คู่ต่อสู้ด้วยคำพูดที่คงไม่ระคายผิว

การทำชิ่ง 1-2 ตรงกลางหน้ากรอบเขตโทษก็ไม่มีความแม่นยำ จึงโดนดักได้ตลอด

การครอสส์เข้าไปจากริมเส้นก็เช่นกัน ถ้าไม่เบาไป ก็แรงไป ไม่ค่อยตรงเป้าหมาย

บ่อยครั้งที่มีทั้งพื้นที่และเวลาในการเปิด แทนที่จะบรรจงเปิดเข้าไปแบบเน้นๆ เพื่อกดดันเกมรับคู่แข่ง ตัวริมเส้นกลับเลือกที่จะแปะคืนหลัง แล้วเริ่มต้นทำชิ่งกันใหม่ เคาะบอลไป เคาะบอลมาสร้างจังหวะไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่ามันน่ารำคาญยิ่งนัก

เมื่อมีจังหวะ ถามว่าทำไมถึงไม่กล้าเปิด ???

เรื่องนี้พอจะอนุมานได้ว่าเป็นเพราะพวกเขาไม่มีกองหน้าตัวเป้าที่เชี่ยวชาญด้านการโหม่ง

แบบนี้เปิดไปก็เสียของเปล่าๆ จนพาลเป็นการเล่นที่ไม่มีความกล้าได้และกล้าเสียเอาซะเลย

    ก่อนเปิดฤดูกาลนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจปล่อยกองหน้าอย่าง โรเมลู ลูกากู ออกจากทีม

เหตุผลสำคัญประการหนึ่งคือกองหน้าค่าตัว 75 ล้านปอนด์ถูกวิญญาณสากกะเบือเข้าสิงร่างมาตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว ฟอร์มการเล่นตกลงอย่างน่าเกลียดจนกลายเป็นตัวตลก

ในฐานะผู้มีจิตศรัทธาในปีศาจแดง ผมทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

เห็นด้วย…ตรงที่ว่า “พี่ตู้” ทำตัวไม่มีประโยชน์จริงๆ ยิ่งเล่นยิ่งเลอะเทอะ ความมั่นใจก็ถูกกระทืบทิ้งแหลกสลายมลายสิ้น ขายๆ ไปก็ไม่น่าเสียดาย เพราะขืนอยู่ต่อก็คงจะเปลืองค่าเหนื่อยเสียเปล่าๆ

ไม่เห็นด้วย…ตรงที่ว่าถ้ายังไม่ซื้อศูนย์หน้าคนใหม่มาแทนก็ยังไม่ควรจะปล่อยคนเก่าไปหรอก อย่างน้อยสากกะเบือมันก็ยังเอาใช้มาทิ่มแทงรูว์ดาร์กซ์คู่แข่งได้…มิใช่หรือ

ปรากฏว่า แมนฯ ยูไนเต้ด ปล่อยออกไปแบบดื้อๆ โดยไม่ยอมซื้อผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกันมาทดแทนซะอย่างนั้น !!!

บางทีอาจเพราะมีเวลาน้อยไปในการหาตัวแทน หรือบางทีพวกเขาอาจคิดว่ามีดาวรุ่งดวงใหม่อย่าง เมสัน กรีนวู๊ด เข้ามาทดแทน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล หรือ มาร์คัส แรชฟอร์ด คนใดคนหนึ่งไปเล่นเป็นหน้าเป้าแทนก็ได้

ว่าแล้วก็เอาหมายเลข 9 ของ โรเมลู ลูกากู กลับไปให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล อีกครั้งพร้อมกับตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าในฤดูกาลนี้

ตอน “น้องหมาก” ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปก็ขยับเอากองหน้าเก่าอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด นี่แหละเข้าไปเล่นแทน

ผลปรากฏว่าไม่ค่อยเวิร์คสักเท่าไหร่

อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล แสดงให้เห็นว่าไม่ค่อยมีสัญชาติญาณของกองหน้าตัวเป้าสักเท่าไหร่ แถมวิ่งหาช่องน้อยเกินไปจนกลายเป็นเป้านิ่ง ขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะมีความอันตรายมากกว่าในตำแหน่ง “หน้าซ้าย” ของระบบ 4-2-3-1 หรือ 4-3-3

ทั้งคู่จัดเป็นกองหน้าสมัยใหม่ที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแนวรุก ด้วยเป็นผู้เล่นที่มีความปราดเปรียว สามารถใช้ความเร็วเล่นงานคู่แข่ง โดยถ่างออกมาลากเลื้อยริมเส้น หรือถอยลงมาล้วงบอลในแดนกลางก็ได้

แต่ในบทบาทของศูนย์หน้าตัวเป้า ถือว่าสอบตก

กองหน้าระดับดารารุ่งรัศมิวัย 18 จากทีมโรงเรียนลูกกรอกคะนองวิทยาอย่าง เมสัน กรีนวู๊ด ก็ยังดิบเกินไปกว่าที่จะใช้เป็นตัวหลักในตำแหน่งนักล่าตาข่าย แถมมักถูกส่งลงไปเล่นเป็นกองหน้าทางด้านขวาเสียเป็นส่วนใหญ่

    อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด อาจเล่นเป็นหัวหอกตัวเป้าได้ก็จริง แต่เหมือนขาดคุณสมบัติของผู้เล่นในตำแหน่งไปหลายประการ คิดแล้วก็น่าแปลกใจมิใช่น้อย เพราะในอดีต โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็จัดเป็นดาวยิงตีนพระกาฬคนหนึ่ง

อีน้าแกน่าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาการเป็นกองหน้าตัวเป้าให้ลูกทีมได้ไม่ยาก

สังเกตได้ว่าบอลที่เปิดเข้ามาจากทางด้านข้าง ผู้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าของปีศาจแดงจะไม่ค่อยยอมพุ่ง เข้าใส่ หรือไม่ยอมโฉบเข้าชาร์จเหมือนปลาฉลามใจร้ายที่ได้กลิ่นคาวโลหิต

บ่อยครั้งที่พบว่ากองหน้าตัวเป้าอยู่ห่างจาก “จุดนัดพบ” มากเกินไป

ลูกเปิดจากทางด้านข้างส่วนใหญ่จึงมักจะผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เพราะกองหน้าพุ่งเข้าไปไม่ทันบ้าง หรือไม่ยอมพุ่งเข้าชาร์จ…ซะอย่างนั้น
.
.
.

    ตั้งแต่จำความได้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยปราศจากกองหน้าระดับดาวถล่มประตูเลยนะครับ

นับเฉพาะในยุคที่ลีกสูงสุดของอังกฤษใช้ชื่อว่า “พรีเมียร์ลีก” ก็ได้ พวกเขาเคยมีกองหน้าที่จัดอยู่ในประเภท “ดาวซัลโว” อย่าง มาร์ค ฮิวจ์ส, ไบรอัน แม็คแคลร์, เอริก คันโตน่า, แอนดี้ โคล, ดไวท์ ยอร์ค, เทดดี้ เชอริงแฮม, โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, รุด ฟาน นิสเตลรอย, หลุยส์ ซาฮา, เวย์น รูนี่ย์, คาร์ลอส เตเวซ, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เรื่อยมาจนถึง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช

พวกเขาเหล่านี้จะมีอันตรายสุดขีดในกรอบเขตโทษ และเปี่ยมด้วยสัญชาติญาณของนักฆ่า

    ยกตัวอย่าง รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก พยายามเปิดป้อนให้บอลให้ถึงกองหน้าผู้นี้ในกรอบเขตโทษ เดี๋ยวพี่ม้าแกจัดการเอง

ขณะที่กองหน้าบางคนก็ครบเครื่องต้มยำ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด แล้วโยนพริกมูลหนูลงไปอีก 80 เม็ด ซึ่งถ้าเมื่อไหร่มีกองหน้าประเภทนี้อยู่ในทีมก็ถือว่าโชคดีเหลือหลาย สบายไป 8 อย่าง

 ตัวอย่างเช่น เอริก คันโตน่า กับ เวย์น รูนี่ย์ ที่ไม่เพียงแต่จะกะซวกตาข่ายได้เฉียบคมและเด็ดขาด ยังครองบอลได้ ไปกับบอลได้ ยิงได้ โหม่งได้ จ่ายได้ เปิดได้ แถมอยู่ถูกที่ถูกเวลา

หรือจำตอนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมี “อิบรา” เป็นกองหน้าได้ไหมครับ

ขนาดมาตอนแก่ พี่หลาแกยังเอาตัวรอดในสมรภูมิแข้งที่มีอัตราความฮาร์ดคอร์ 80 กะโหลกได้แบบไม่ระบมหัวแม่ตีน

โรเมลู ลูกากู คือกองหน้าที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ไปกระชากตัวมาแบบสำเร็จรูป เพราะสถิติการยิงประตูตอนอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน รับประกันความมหาประลัยในระดับหนึ่ง ด้วยหวังว่าจะให้รับหน้าที่ถล่มตาข่ายให้สิ้นซาก

ต่อเมื่อมันไม่เป็นไปตามที่คาดจะเหตุผลห่าเหวอะไรก็ตาม หากปล่อยออกจากทีมไป แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องซื้อกองหน้าคนใหม่มาทดแทนทันที ไม่ใช่หวังพึ่งเด็กดาวรุ่งที่ยังไม่มีประสบการณ์ หรือหวังว่าการเอาปีกขึ้นไปเล่นเป็นหน้าเป้าแล้วจะถล่มตาข่ายได้ฤดูกาลละ 20 ประตู
.
.
.

เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นมันประจักษ์ซะขนาดนี้

หมายความว่าในตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องซื้อกองหน้าตัวเป้าคนใหม่มาเพิ่มประสิทธิ์ของเกมรุกนะครับ

หรืออย่างน้อยเวลาหมดมุกก็สามารถเป็นเป้าในการบอมบ์เข้าใส่ได้

เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เป็นกองหน้าตัวเป้าที่รูปร่างสูงใหญ่ แต่มีความเร็วและความคล่องพอฉีกหนีกองหลังได้เข้าไปสับไกยิง

สถิติการทำประตูแบบเป็นกอบเป็นกำในฟุตบอลลีกของ ออสเตรีย อาจไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อเลื้อยตูดมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก แต่เท่าที่เห็นฟอร์มการเล่นของนักเตะผู้นี้ด้วยตาเปล่าเป็นจำนวน 2 นัดที่เจอกับทีมที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง ลิเวอร์พูล ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็พอจะสันนิษฐานในเบื้องต้นได้ว่าน่าจะเอาตัวรอดได้ไม่ยาก

อย่างน้อยๆ เขาก็มี “คุณลักษณะ” ของกองหน้าตัวเป้าในความหมายของกองหน้าขนานแท้และดั้งเดิม มิหนำอายุยังน้อย สามารถพัฒนาฝีเท้าให้ก้าวหน้าขึ้นไปได้มากกว่าเดิมอีก

บุตรชายของนาย อัล์ฟ อิงเก้ ฮาแลนด์ ตกเป็นข่าวพัวพันกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้สักระยะหนึ่งแล้วนะครับ หากคิดจะ “เอานะ” จริงๆ หรือคิดจะ “เอานะ” ให้ได้ มันก็คงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะไม่ได้ไปสู่ขอกองหน้าจากทีมระดับพญายักษ์ด้วยกันสักหน่อย

เพียงแค่ยอมวอดวายด้วยการทุ่มเงินให้มากกว่าทีมอื่น ต้นสังกัดก็มิอาจไม่ขายให้ อีกทั้งธรรมชาติของนักเตะอาชีพย่อมอยากยกระดับตัวเองด้วยการมาอยู่กับทีมที่ชื่อเสียงโด่งดังในลีกชั้นนำพร้อมรับค่าเหนื่อยอันมหาศาลมากกว่าเดิม

    ถ้าอยากจะพัฒนาตัวเอง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ต้องย้ายทีมครับ

เช่นเดียวกับปีศาจแดง ถ้าอยากวิ่งออกจากสภาพของทีมกลางตาราง พวกเขาต้องมีกองหน้าตัวเป้าที่สามารถยิงประตูแบบถล่มทลาย

แต่คิดถึงเรื่องนี้แล้วก็น้อยใจ

เมื่อวันก่อน ทาคูมิ มินามิโนะ เปิดตัวเป็นผู้เล่นคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการท่ามกลางความชื่นบานของเด็กหงส์ โดยที่ก่อนหน้านั้นไม่มีข่าวหลุดออกมาเลย แม้กระทั่งตอนที่ ลิเวอร์พูล บุกไปเยือน เรด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว มันก็ไม่มีข่าวแพรมออกมา

ทันทีที่เป็นข่าวแค่ตูมเดียวจบ เปิดตัวสวมเครื่องนุ่งห่มหงส์แดงอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาดพลางเย้ยหยันบางทีมที่เป็นข่าวกับชาวบ้านเขาไปทั่ว

ว่าแล้วก็นึกถึงใบหน้าของ ฯพณฯ เอ็ด วู๊ดเวิร์ด และพวกพ้องพลางรำพึง & รำพันในลำคออยู่ที่หน้าศาลพระภูมิ

อ่านข่าวอื่นๆที่ >>> UFABETWINS

หน้าแรก >>> https://centresuiteinn.com